- Firmware
- Manuals
- FAQ
- GPL Code
Firmware
FAQ
1. หากมือถือของคุณอยู่ห่างจาก router เกินไป หรือมีผนังกั้นสัญญาณอยู่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้สัญญาณอ่อน และส่งผลให้อินเตอร์เน็ตช้า หรือตัวเครื่องรับสัญญาณได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
2. แนะนำว่าเคสมือถือที่ใช้ ควรเป็นเคสที่ผลิตจากวัสดุประเภทพลาสติก หรือหนัง เนื่องจากเคสที่ทำจากโลหะ อาจปิดกั้นสัญญาณ ส่งผลให้เสาอากาศภายในเครื่องรับสัญญาณได้ไม่ดี
3. ลองตั้งค่า router ให้ไปใช้ช่องสัญญาณ Wi-Fi อื่น
4. ตรวจสอบว่าในขณะนั้นมีการใช้งาน Wi-Fi จากอุปกรณ์อื่นที่ทำให้ช่องสัญญาณเต็มหรือไม่ เช่น อาจมีโน้ตบุ๊กที่กำลังดาวน์โหลดภาพยนตร์อยู่ ถ้ามี กรุณาจัดการด้านการแบ่งความเร็วในการใช้งานที่ตัว router
5. ทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ตด้วย Speed Test หรือแอปอื่นเพื่อทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อของ Wi-Fi
6. เชื่อมต่อ Wi-Fi กับ router ที่อยู่ใกล้เคียงกันแทน
1. ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ Bluetooth ที่ต้องการเชื่อมต่อ ได้เข้าสู่โหมด pairing ที่พร้อมสำหรับการจับคู่แล้วหรือยัง ซึ่งสามารถตรวจสอบวิธีเข้าสู่โหมด pairing ได้จากคู่มือของแต่ละอุปกรณ์
2. ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ Bluetooth ที่ใช้มีกำลังส่งสัญญาณเพียงพอ และอยู่ในระยะทำการของสัญญาณ Bluetooth (10 เมตร) และไม่มีสิ่งกีดขวางสัญญาณ
3. หากมือถือของคุณทำการจับคู่กับอุปกรณ์ Bluetooth อื่นๆ อยู่ ให้ตัดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Bluetooth นั้นก่อน
4. รีสตาร์ทอุปกรณ์ Bluetooth และมือถือของคุณ จากนั้นทดลองเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง
5. ทดสอบอุปกรณ์ Bluetooth ให้เชื่อมต่อกับมือถือเครื่องอื่น แบรนด์อื่น จากนั้นตรวจสอบว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ และมีขั้นตอนในการเชื่อมต่อที่แตกต่างไปจากปกติหรือไม่ จากนั้นลองนำมาเชื่อมต่อกับมือถือ Neffos อีกครั้ง หากยังพบปัญหาอยู่ กรุณานำเครื่องมาเข้ารับการตรวจสอบที่ศูนย์บริการของ TP-Link เพื่อตรวจสอบการทำงานของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ภายในเครื่อง
มือถือของคุณรองรับการติดตั้งแอปพลิเคชันจากภายนอกด้วยไฟล์แบบ APK เท่านั้น กรุณาตรวจสอบว่าแอปที่ต้องการติดตั้งเป็นประเภทเดียวกับที่ระบบรองรับ
หากแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่ได้เป็นแอปที่ดาวน์โหลดจาก Play Store คุณจำเป็นต้องตั้งค่าให้ระบบสามารถติดตั้งแอปจากภายนอกได้ก่อน โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > ความปลอดภัย > เปิดการใช้งานที่หัวข้อ ไม่รู้จักที่มา จากนั้นกดติดตั้งแอปใหม่อีกครั้ง
หรือแอปพลิเคชันจากผู้ผลิตรายอื่นอาจไม่สามารถใช้งานได้กับมือถือของคุณ กรุณาใช้แอปอื่นที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากันเพื่อใช้งานแทน
1. เข้าไปที่ การตั้งค่า > หน่วยความจำ จากนั้นตั้งค่าเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลหลักเป็น MicroSD
2. เปิดแอปพลิเคชันที่คุณต้องการดาวน์โหลดไฟล์ จากนั้นทดลองว่าสามารถตั้งค่าให้พื้นที่หลักสำหรับเก็บไฟล์ที่ดาวน์โหลดให้เป็น MicroSD ได้หรือไม่ หากได้ ให้ทำการตั้งค่า
3. หากยังพบปัญหาอยู่ อาจเป็นไปได้ว่าวิดีโอหรือไฟล์ที่ต้องการ ถูกตั้งค่ามาให้ไม่สามารถบันทึกลงใน MicroSD ได้ ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจากตัวเครื่องได้
1. หาก Wi-Fi hotspot นั้นมีรหัสอยู่ กรุณาตรวจสอบว่ารหัสผ่านที่กรอกนั้นถูกต้อง (ตรวจสอบตัวอักษรให้ละเอียดว่าเป็นแบบตัวพิมพ์ใหญ่หรือเล็ก)
2. ตรวจสอบว่าชื่อและรหัสผ่านของ Wi-Fi hotspot นั้นมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หากมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบข้อมูลจากผู้ให้บริการ
3. ตรวจสอบว่าคุณอยู่ในระยะที่ Wi-Fi ครอบคลุมเพียงพอหรือไม่ หากอยู่นอกเขตการใช้งาน การเชื่อมต่อ Wi-Fi จะถูกตัดโดยอัตโนมัติ
4. จำนวนอุปกรณ์ที่กำลังเชื่อมต่อกับ Wi-Fi นั้นอาจมีมากจนถึงขีดจำกัดของ hotspot ที่ต้องการใช้งาน กรุณาเปลี่ยนไปเลือกใช้ hotspot อื่นในบริเวณใกล้เคียง
5. หากมือถือของคุณไม่สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi hotspot และไม่สามารถรับที่อยู่ IP จาก hotspot นั้นได้ กรุณาตั้งค่าแบบระบุ IP ตามขั้นตอนต่อไปนี้:
สำหรับ Wi-Fi hotspot ที่มีรหัสผ่านอยู่ ในหน้าจอการตั้งค่า Wi-Fi ให้กดที่ hotspot ที่ต้องการเชื่อมต่อ จากนั้นจะมีกล่องการตั้งค่าปรากฏขึ้นมา ให้เลือกที่ ตัวเลือกขั้นสูง แล้วดูที่หัวข้อ การตั้งค่า IPv4 แตะที่เครื่องหมายลูกศรชี้ลง จากนั้นเลือก คงที่ แล้วกรอก IP, Gateway และค่าอื่นๆ ที่จำเป็น
จากนั้นกรอกรหัสผ่านของ hotspot ตามปกติ และกดที่ปุ่ม เชื่อมต่อ
หมายเหตุ:
ภาพการตั้งค่าข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ในหน้าจอการตั้งค่าจริงอาจมีความแตกต่างไปจากตัวอย่าง
ตรวจสอบว่า router มีการเปิดใช้งานการจำกัด MAC address อยู่หรือไม่ หากเปิดใช้งานอยู่ จะทำให้อุปกรณ์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน MAC address ไว้ในระบบของ router ทำการเชื่อมต่อ Wi-Fi hotspot นั้นๆ ได้ สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบและตั้งค่า กรุณาตรวจสอบจากคู่มือการใช้งานของ router
ในการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi hotspot สาธารณะ คุณอาจต้องล็อกอินผ่านหน้าเว็บไซต์เพื่อลงทะเบียนก่อนใช้งาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถตรวจสอบได้จากผู้ให้บริการ Wi-Fi hotspot
หากยังพบปัญหาอยู่ กรุณารีสตาร์ทมือถือ หรือ Wi-Fi router แล้วทดลองเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง
หมายเหตุ: กรุณาตรวจสอบว่ามือถือของคุณได้รับการชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว และได้ทำการสำรองข้อมูล เช่น รายชื่อผู้ติดต่อ ข้อความ และบันทึกการโทรย้อนหลังไว้เรียบร้อยแล้วก่อนทำการอัพเดต แนะนำว่าควรอัพเดตแบบ FOTA ผ่านเมนูการอัพเดตระบบ ภายในเครื่อง แทนการอัพเดตด้วยไฟล์
ตัวอย่างด้านล่างนี้เป็นการอัพเดต TP701A_H10S100D01B20160225R1023_SDCARD
1. ใช้คอมพิวเตอร์เข้าไปที่เว็บไซต์ Neffos แล้วดาวน์โหลดไฟล์อัพเดตให้ตรงกับรุ่นของเครื่องที่ใช้งาน
2. เชื่อมต่อมือถือของคุณเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB จากนั้นเลือกการเชื่อมต่อ USB กับคอมพิวเตอร์ในมือถือของคุณให้เป็นแบบ Media Device (MTP)
3. คัดลอกไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา ลงไปยังพื้นที่เก็บข้อมูลของมือถือ หรือ MicroSD ห้ามแตกไฟล์โดยเด็ดขาด!
4. ในมือถือ ให้เข้าไปที่ การตั้งค่า > เกี่ยวกับโทรศัพท์ > การอัพเดตระบบ จากนั้นกดที่ปุ่มเมนูซึ่งอยู่ตรงมุมขวาบน แล้วเลือกที่ การปรับปรุงภายในเครื่อง
5. ค้นหาไฟล์อัพเดตที่ต้องการ จากนั้นกด อัพเดตทันที จากนั้นมือถือของคุณจะเข้าสู่โหมด Recovery กรุณารอซักครู่เพื่อทำการอัพเดตระบบ โดยเครื่องของคุณจะรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติ หลังการอัพเดตเสร็จสมบูรณ์
6. ห้ามถอดแบตเตอรี่ออก และใช้งานมือถือขณะทำการอัพเดต
1. ใช้มือถือเครื่องอื่นทำการตรวจสอบ ว่าซิมการ์ดมีปัญหาหรือไม่
2. ไปที่ ข้อความ > การตั้งค่า > ข้อความ (SMS) > SMS Service Center แล้วตรวจสอบว่าหมายเลขของ SMS center ที่ได้รับจากผู้ให้บริการเครือข่ายถูกต้องหรือไม่
3. หากมีการติดตั้งซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยในเครื่องของคุณ ให้ทำการลบซอฟต์แวร์ดังกล่าว แล้วทำการรีเซ็ตระบบกลับไปเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน แล้วทำการตรวจสอบว่ายังพบปัญหาอยู่หรือไม่4. มือถืออาจได้รับสัญญาณไม่ดีพอ กรุณานำมือถือของคุณออกไปยังบริเวณที่สัญญาณมีคุณภาพ แล้วทดลองใหม่อีกครั้ง
5. คุณอาจใช้งานในช่วงที่เครือข่ายถูกใช้งานอย่างหนัก กรุณารอ และทดลองใหม่อีกครั้ง
6. หากยังพบปัญหา กรุณานำเครื่องของคุณเข้ามารับบริการที่ศูนย์บริการของ TP-Link
1. ตรวจสอบว่ามือถือไม่ได้เปิดใช้งานในโหมดบนเครื่องบิน หรือซิมการ์ดถูกปิดการใช้งานอยู่
2. ตรวจสอบรุ่นของมือถือ เนื่องจากบางซิมการ์ดอาจไม่สามารถใช้งานกับมือถือรุ่นที่ใช้งานอยู่ได้ หรือเกิดจากความผิดพลาดของซิมการ์ด จากนั้นให้ทำการเปลี่ยนไปใช้ซิมการ์ดของเครือข่ายที่เครื่องรองรับการใช้งาน โดยสามารถหาวิธีตรวจสอบรุ่นของมือถือได้จากที่นี่ แล้วทำการตรวจสอบกับมือถือเครื่องอื่น ว่าซิมการ์ดสามารถทำงานได้เป็นปกติหรือไม่
3. ควรรีสตาร์ทเครื่อง หลังจากใส่ซิมการ์ดทุกครั้ง
4. หากหมายเลข IMEI ของเครื่องหายไป สามารถเปิดแอปโทรศัพท์ แล้วกดรหัส *#06# เพื่อตรวจสอบหมายเลข IMEI ได้ หากยังไม่พบ กรุณานำเครื่องเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ
5. หากยังพบปัญหาอยู่หลังจากรีสตาร์ทเครื่องแล้ว ให้ทำการสำรองข้อมูลที่จำเป็น แล้วรีเซ็ตเครื่องกลับไปเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน จากนั้นใส่ซิมการ์ดที่ต้องการใช้งานลงไปอีกรอบ แล้วตรวจสอบว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่
6. หากยังพบปัญหาอยู่ อาจเกิดจากข้อบกพร่องของถาดใส่ซิมการ์ด หรือจากปัญหาอื่นๆ กรุณานำเครื่องของคุณไปยังศูนย์บริการ TP-Link
การหาชื่อรุ่นของเครื่อง สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่
1. ไปที่ การตั้งค่า > เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ
2. แกะฝาหลังเครื่อง ถอดแบตเตอรี่ออก จากนั้นก็จะพบชื่อรุ่นอยู่บนฉลากภายในเครื่อง
1. ตรวจสอบว่ามีไอคอนการเชื่อมต่อ USB ขึ้นที่มือถือของคุณ ขณะที่เสียบสาย USB กับคอมพิวเตอร์อยู่
2. หากมีไอคอนปรากฏขึ้นมา ให้ปาดนิ้วจากขอบจอด้านบนลงมาเพื่อเปิดแถบแจ้งเตือน แล้วแตะที่ไอคอน USB เพื่อตรวจสอบว่าระบบกำลังเชื่อมต่อแบบชาร์จเท่านั้นอยู่หรือไม่ หากใช่ ให้เปลี่ยนไปใช้โหมดอื่น
3. หากไม่มีไอคอน USB ปรากฏขึ้นมา ให้ตรวจสอบว่าสาย USB ได้รับการเชื่อมต่อเรียบร้อยหรือไม่ หรือลองใช้สาย หรือพอร์ต USB อื่นของคอมพิวเตอร์แทน
4. อุปกรณ์ USB อาจไม่ได้รับการอนุญาตให้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ กรุณาเลือกอนุญาตให้ทำการเชื่อมต่อจากในหน้าจอ Device Manager ของคอมพิวเตอร์ หรือลองเปลี่ยนไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
5. อาจเกิดข้อผิดพลาดกับมือถือของคุณ กรุณารีสตาร์ทเครื่องและทดลองเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง หากยังพบปัญหาอยู่ กรุณาสำรองข้อมูลของคุณ และรีเซ็ตเครื่อง
6. หากยังพบปัญหาอยู่ กรุณานำเครื่องเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ
การเปิดใช้งานโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้:
1. เข้าไปที่ การตั้งค่า > เกี่ยวกับโทรศัพท์
2. กดที่หัวข้อ หมายเลขบิลด์ ติดกัน 3 ครั้ง จะมีข้อความปรากฏขึ้นมาว่า "คุณเหลืออีก 4 ขั้นตอน เพื่อจะใช้งานโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์"
3. กดที่หัวข้อเดิมย้ำอีก 4 ครั้ง เพื่อเปิดใช้งานโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์
กรุณาตรวจสอบสาเหตุต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. สัญญาณ Wi-Fi อาจอ่อนเกินไปจนไม่สามารถเชื่อมต่อได้ กรุณาตรวจสอบว่าสัญญาณ Wi-Fi แรงพอที่จะเชื่อมต่อใช้งานได้
2. อาจมีข้อจำกัดในการเชื่อมต่อที่ทางฝั่ง router เช่น การจำกัด MAC หรือ IP ในการใช้งาน กรุณาปรับการตั้งค่าข้อกำหนดการเชื่อมต่อใน router
3. เฟิร์มแวร์ของมือถืออาจมีการผิดพลาด กรุณาดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุดจากเว็บไซต์ และทำการอัพเดต
หากเครื่องค้าง ไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เปิดเครื่อง เป็นไปได้ว่าปัญหาอาจเกิดจากแบตเตอรี่, ซิมการ์ด/MicroSD มีปัญหา หรือปัญหาที่เกิดจากเฟิร์มแวร์ระบบ กรุณาตรวจสอบโดยการถอดซิมการ์ดและ MicroSD ออก จากนั้นชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม แล้วเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง หากยังพบปัญหาอยู่ ให้ทำการอัพเดตเฟิร์มแวร์
หากเครื่องค้าง ไม่สามารถใช้งานได้ปกติในขณะที่เครื่องเปิดอยู่ อาจเกิดจากการมีแอปพลิเคชันหลายตัวทำงานพร้อมกันอยู่ ทำให้ระบบประมวลผลเกินขีดจำกัดมาเป็นระยะเวลานาน หรือมีการรูทเครื่อง ที่อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หรืออาจเกิดจากเฟิร์มแวร์ระบบมีปัญหา กรุณาหลีกเลี่ยงการเปิดใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกัน เพื่อป้องกันการประมวลผลเกินขีดจำกัดเป็นระยะเวลานาน ทำการลบแอปพลิเคชันที่มีปัญหา, รีเซ็ตเครื่องด้วยเฟิร์มแวร์จากเว็บไซต์ Neffos
หากยังพบปัญหาอยู่ กรุณานำเครื่องเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ
กรุณาตรวจสอบจากสาเหตุพร้อมวิธีแก้ไขแต่ละข้อด้านล่างนี้:
1. มือถือกำลังใช้งานในโหมดใช้งานบนเครื่องบินอยู่ หรือหน้าสัมผัสระหว่างซิมการ์ดและตัวเครื่องไม่แน่นพอ กรุณาปิดการใช้งานโหมดบนเครื่องบิน และใส่ซิมการ์ดใหม่อีกครั้ง
2. มีซิมใดซิมหนึ่งในช่องใส่ซิมการ์ดถูกปิดการใช้งานอยู่ กรุณาเปิดการใช้งานซิมการ์ดนั้น โดยเข้าไปที่เมนูการตั้งค่าการใช้งาน 2 ซิม
3. ซิมการ์ดนั้นๆ ไม่ผ่านการรองรับให้ใช้งานกับมือถือได้ หรือเกิดข้อผิดพลาดที่ตัวซิม กรุณาเปลี่ยนไปใช้ซิมที่รองรับการใช้งานกับเครื่อง หรือเปลี่ยนไปใช้ซิมปกติ
4. หากหมายเลข IMEI ของเครื่องหายไป สามารถเปิดแอปโทรศัพท์ แล้วกดรหัส *#06# เพื่อตรวจสอบหมายเลข IMEI ได้ หากยังไม่พบ กรุณานำเครื่องเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ
5. เฟิร์มแวร์ระบบอาจมีปัญหา กรุณนำเครื่องมาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเพื่อทำการแก้ไข หรือดาวน์โหลดไฟล์เฟิร์มแวร์จากหน้าเว็บไซต์ของ Neffos ให้ตรงรุ่น แล้วทำการอัพเดตด้วยตนเอง
กรุณาตรวจสอบสาเหตุพร้อมวิธีแก้ไขในแต่ละกรณีดังต่อไปนี้
1. มือถือถูกรบกวนด้วยไฟฟ้าสถิตอันเกิดจากการเสียดสีอยู่หรือไม่ กรุณากดปุ่ม Power เพื่อปิดหน้าจอ จากนั้นลองเปิดหน้าจอใหม่อีกครั้ง ซึ่งโดยปกติแล้วจะสามารถแก้ไขอาการดังกล่าวได้
2. หน้าจอมือถือกำลังเปียก หรือมีความชื้นมากเกินไป กรุณาเช็ดหน้าจอให้แห้งสนิท แล้วใช้งานใหม่อีกครั้ง
3. อาจกำลังมีแอปพลิเคชันที่ทำงานอย่างหนัก จนทำให้ระบบทำงานช้าลงหรือไม่ตอบสนอง กรุณารอจนกระทั่งระบบกลับมาทำงานได้ตามปกติ หรือปิดแอปพลิเคชันที่ทำงานหนักไป
4. เฟิร์มแวร์ระบบอาจมีปัญหา กรุณาดาวน์โหลดไฟล์เฟิร์มแวร์จากเว็บไซต์ Neffos แล้วทำการอัพเดตระบบด้วยตนเอง
หากยังพบปัญหาอยู่ กรุณาติดต่อฝ่ายสนับสนุนการใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Neffos
GPL Code
GPL_C5_TP701
6 Jun 2016English501.17MBDownload
- Privacy Policy
- |
- Terms of Use
- |
-
Copyright ©2024 TP-Link Corporation Limited. All rights reserved.